ประวัติบริษัท

ความเป็นมาและพัฒนาการที่สำคัญ

กลุ่มครอบครัวทวีแสงสกุลไทย (หรือ “กลุ่ม ช ทวี” ) โดยนายชอ ทวีแสงสกุลไทย และนางอุษา ทวีแสงสกุลไทย เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจรถขนส่งในจังหวัดขอนแก่น และเป็นผู้ริเริ่มธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายรถบรรทุกตั้งแต่ปี 2511 ต่อมาได้ ขยายธุรกิจไปยังการผลิต และต่อตัวถังรถบัสในปี 2523 ได้ขยายการผลิต และต่อตัวถังรถพ่วง-กึ่งพ่วง และรถขนส่งประเภท ต่างๆ กลุ่ม ช ทวี ได้พัฒนาเทคโนโลยีรถพ่วง รถเพื่อการพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง และมีความพิถีพิถันในการออกแบบตัวถัง รูปแบบต่างๆ ที่เหมาะสมกับแชสซีรถบรรทุกของลูกค้าเพื่อให้ได้โครงสร้างตัวถังบรรทุกที่แข็งแกร่งทนทานเหมาะสมกับ ประเภทของงานขนส่ง ใช้งานได้ในทุกสภาพถนน และทนทานต่อทุกสภาพภูมิอากาศ

ในรุ่นที่สองของกลุ่ม ช ทวี นำโดย นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย บุตรชายของ นายชอ ทวีแสงสกุลไทย และ นางอุษา ทวีแสงสกุลไทย ซึ่งจบการศึกษาด้านวิศวกรรมยานยนต์ และการบริหารธุรกิจ จากประเทศญี่ปุ่น มองเห็นแนวโน้ม ความต้องการของระบบขนถ่ายสินค้าจำนวนมาก ด้วยรถพ่วงพิเศษขนาดใหญ่ รวมทั้งเล็งเห็นถึงความสำคัญของนวัตกรรม ด้านการต่อตัวถังรถบรรทุกที่อาศัยเทคโนโลยีชั้นนำจากต่างประเทศ ว่าจะมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในอุตสาหกรรมรถพ่วง-กึ่งพ่วง ในอนาคต จึงได้ตัดสินใจก่อตั้ง บริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จำกัด (“บริษัทฯ” หรือ “CHO”) เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2537 โดยการร่วมทุนระหว่างบริษัทของครอบครัว คือ บริษัท ขอนแก่น ช.ทวี (1993) จำกัด (“CTV-1993”) และบริษัทผู้ผลิต ตัวถังรถบรรทุก และรถพ่วงชั้นนำจากประเทศเยอรมนี คือ DOLL Fahrzeugbau GmbH (“DOLL”) เพื่อประกอบธุรกิจออกแบบ ผลิต ประกอบตัวถัง และติดตั้งระบบวิศวกรรมที่เกี่ยวกับตัวถังรถบรรทุก รถพ่วง และรถขนส่งเพื่อการพาณิชย์ ด้วยทุนจด ทะเบียน 10.00ล้านบาท โดย CTV-1993 และกลุ่มผู้ถือหุ้นฝ่ายไทย ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 74 ของทุนจดทะเบียน และ DOLL ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 26 ของทุนจดทะเบียน

ทั้งนี้ CTV-1993 (เดิมชื่อ “บริษัท ช.รวมทวีอินดัสตรี้ จำกัด” และเปลี่ยนชื่อเมื่อ 28 พฤษภาคม 2536) และ DOLL (เดิมชื่อ Emil Doll ) มีประสบการณ์ด้านการผลิต และประกอบตัวถังรถเพื่อการพาณิชย์ มาเป็นเวลานาน ซึ่งสามารถสรุปได้ ดังนี้

CTV-1993 เริ่มธุรกิจผลิต และประกอบตัวถังรถบรรทุก ตัวถังรถบัส และได้ พัฒนาเทคโนโลยีการบรรทุกขนส่งในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2533 ปัจจุบัน CTV-1993 ไม่ได้ประกอบธุรกิจผลิต และประกอบตัวถังรถ โดยเปลี่ยนไปประกอบธุรกิจจำหน่าย หัวรถบรรทุก รถพ่วงทุกชนิด และให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุก

DOLL เริ่มธุรกิจผลิต และประกอบตัวถังรถบรรทุก และรถพ่วงชนิดพิเศษ ตั้งแต่ปี 2465 (สมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 1) ซึ่ง DOLL มีความสามารถในการผลิต รถพ่วงพิเศษสำหรับบรรทุกวัสดุที่มีน้ำหนักมาก และมีขนาดใหญ่ รวมถึงวัสดุที่มี ความยาวเป็นพิเศษ ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ต่อมาในปี 2557 DOLL ได้เปลี่ยน ผู้บริหารเป็นบริษัทกลุ่มการเงิน CMP. ทำให้มุ่งเน้นในการขายมากกว่าการพัฒนา สินค้า และในปี 2559 CHO หมดสัญญาระหว่างกันกับ DOLL และไม่ได้ต่อสัญญา อีก โดยนับจากนั้นเป็นต้นมา CHO ได้เปิดรับความร่วมมือทางพันธมิตรกับเจ้าของ เทคโนโลยีผ่านการทำ MOU กับบริษัทที่มีนวัตกรรมที่สามารถถ่ายทอดนวัตกรรมที่ เป็นประโยชน์กับ CHO เช่น Faymonville จากประเทศเบลเยียม ซึ่งมียอดขายติด 1 ใน 3 ของโลก และมีเทคโนโลยีในการผลิตรถใหญ่ หลากหลายแบบ Siemens AG จากประเทศเยอรมนี เป็นบริษัทที่มีการพัฒนาด้านวิศวกรรมไฟฟ้า และเทคโนโลยี ระบบอัตโนมัติระดับโลก เป็นต้น

นอกจากนี้ในปี 2548 บริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับนักธุรกิจชาวฝรั่งเศสก่อตั้ง “บริษัท ช.ทวี เทอร์โมเทค จำกัด” (“CTV-TMT”) ดว้ ยทนุ จดทะเบยี น 10.00 ลา้ นบาท โดย CHO ถอื หนุ้ ในสดั สว่ นรอ้ ยละ 80 ของทนุ จดทะเบยี น และนกั ธรุ กจิ ชาวฝรั่งเศส ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 20 ของทุนจดทะเบียน เพื่อประกอบธุรกิจออกแบบ ผลิต ประกอบและติดตั้งตู้บรรทุก ห้องเย็นไฟเบอร์กลาส น้ำหนักเบา สำหรับรถขนส่งสินค้า อาหารสด และแห้ง เพื่อรักษาคุณภาพสินค้าจนถึงปลายทาง ทั้งด้านรูปร่าง คุณภาพ ตลอดจนอุณหภูมิของสินค้า ให้คงอยู่ในสภาพเดียวกันกับก่อนทำการขนส่ง ปัจจุบัน CTV-TMT มี ทุนจดทะเบียนและทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 20.00 ล้านบาท โดย CHO ถือหุ้นใน CTV-TMT ในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของ ทุนจดทะเบียน

บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกลุ่มผู้ถือหุ้น โดยนายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทฯ และ ปัจจุบันยังคงเป็นกรรมการ และผู้บริหารหลัก ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ในส่วนที่ CTV-1993 ถืออยู่ทั้งหมดนับตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา ส่งผลให้กลุ่มทวีแสงสกุลไทย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มีสัดส่วนการถือหุ้นรวมร้อยละ 93.18 ของทุนจดทะเบียน ก่อน การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering: “IPO”) ในระหว่างวันที่ 2-7 พฤษภาคม 2556 โดยการเพิ่มทุนจดทะเบียน 50.00 ล้านบาท และนำหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอไอ เมื่อวัน ที่ 13 พฤษภาคม 2556

ในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีความเป็นมา และพัฒนาการที่สำคัญ ดังนี้