บทสัมภาษณ์ผู้บริหาร

บทสัมภาษณ์ผู้บริหาร

สิงหาคม 2561

ช่วยอธิบายถึงประวัติความเป็นมาของบริษัทฯ

คุณชอ ทวีแสงสกุลไทย ผู้ก่อตั้งบริษัทฯ เริ่มต้นกิจการจากการทำโรงสีข้าว โดยมีโรงสีทั้งหมด 5 แห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ท่านมีความสนใจในเรื่องเครื่องยนต์กลไกและยานยนต์ ประกอบกับเมื่อ 40 ปีก่อน ท่านได้มีโอกาสร่วมงานกับ Hino โดยผลิตและประกอบรถบัส รถกึ่งเทรลเลอร์ และตัวถังรถบรรทุกสำหรับขนส่ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ธุรกิจมีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจร ทั้งด้านงานขาย จัดหาชิ้นส่วน ตัวถัง อะไหล่ และการบริการหลังการขาย จนล่าสุดได้ยกระดับธุรกิจขึ้นโดยเข้าเป็นพันธมิตรกับ Doll Fahrzeugbau AG (DOLL) ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ ช.ทวี แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด การร่วมมือกันในครั้งนี้นับว่าให้ผลลัพธ์ในทางบวกเป็นอย่างมาก เนื่องจากเราสามารถนำเทคโนโลยีและความรู้มาประยุกต์ใช้กับลูกค้าของเราในประเทศไทย ซึ่งนำพาเรามาอยู่ในจุดที่เป็นผู้แก้ปัญหาแบบครบวงจรได้อย่างแท้จริง นโยบายของเราคือการคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มในระดับราคาที่เหมาะสมเพื่อเป็นเกณฑ์มาตรฐานการให้บริการในประเทศไทย

โครงสร้างธุรกิจของ ช.ทวี เป็นอย่างไร?

ผลิตภัณฑ์และการบริการของเราแบ่งออกเป็น 3 หมวดหลัก หมวดแรกคือผลิตภัณฑ์มาตรฐานซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำมาตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ได้แก่ ตัวถังรถบรรทุก รถขนสินค้าติดตู้กันความชื้น รถบรรทุกส่งสินค้า ลูกค้าหลักได้แก่ เทสโก้โลตัส DHL บิ๊กซี และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนั้นเรายังมีบริการหลังการขายด้วย หมวดที่สองคือผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบพิเศษ ซึ่งมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ร่วมด้วย และยังมีการส่งออกผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน ในการนี้ เราทำงานร่วมกับ Morita Group ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดรถดับเพลิงสูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เราร่วมมือกันในการส่งออกรถดับเพลิงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม รายได้หลักของเรามาจากการส่งออกรถขนส่งอาหาร ไปยังอาบู ดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อนึ่ง ในปีหน้าเราวางแผนขยายตลาดไปยังสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเราไม่ได้เป็นพันธมิตรกับ Doll Germany แล้ว เราจึงสามารถจัดจำหน่ายได้ทั่วโลก หมวดสุดท้ายคือการบริการและการบริหารโครงการ ตามที่ได้เรียนไปแล้วว่า เรามีบริการหลังการขายให้กับลูกค้าเช่น เทสโก้โลตัส เรายังมีศูนย์บริการ “สิบล้อ 24 ชั่วโมงโดย ช.ทวี” ซึ่งเป็นธุรกิจบริการใหม่ล่าสุดที่มีศูนย์บริการกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ในส่วนของการบริหารโครงการ เรามองว่ามีโอกาสต่อยอดทางธุรกิจได้เนื่องจากเรามีองค์ความรู้ในเรื่องวิศวกรรม โลจิสติกส์ การเงิน การจัดซื้อจัดหาสำหรับงานบริหารโครงการ เช่นโครงการต่อเรือของกองทัพเรือ ซึ่งตอนนี้เรากำลังดำเนินการเป็นโครงการที่สองแล้ว นอกจากนั้นเรายังมีบริการบริหารจัดการยานพาหนะ ซึ่งทรัพย์สินเป็นกรรมสิทธิ์ของเรา และเราเป็นคนบริหารจัดการ เช่นที่ขอนแก่น ซึ่งเรามีรถบัส 50 คัน วิ่งให้บริการทั้งหมด 5 สาย รวมถึงรถสองแถวอีก 300 คัน เราให้บริการสายการเดินรถตลอดจนระบบตั๋วออนไลน์ ดังนั้นจึงเป็นการขยายขอบเขตของธุรกิจจากบริษัทที่ทำงานโครงการล้วนๆ มาเป็นธุรกิจบริการที่สร้างรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

งานวิจัยและพัฒนา และเทคโนโลยีมีความสำคัญกับธุรกิจของคุณอย่างไร?

เรามีทีมงานที่ดูแลเรื่องงานวิจัยและพัฒนาโดยเฉพาะ ปัจจุบันมีทั้งหมด 90 สิทธิบัตร โดยตัวชี้วัดความสำเร็จคือจะต้องจดสิทธิบัตรเพิ่มปีละ 3 สิทธิบัตร มีผู้ให้บริการจากภายนอกเข้ามาประเมินมูลค่าสิทธิบัตร 19 รายการในเบื้องต้น และมูลค่าที่ประเมินได้คือ 60 ล้านบาท สิทธิบัตรส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของกลไกในตัวถังของรถบรรทุกหรือระบบการยก อย่างไรก็ตาม เรากำลังขยายธุรกิจไปในเรื่องของการใช้หุ่นยนต์และสถานีชาร์จพลังงานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยเป็นความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ดังนั้นเมื่อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นที่แพร่หลายในประเทศไทย เมื่อนั้นเราก็จะมีความพร้อมสำหรับโอกาสใหม่ๆ ส่วนการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีดิจิตอลนับว่ามีผลทางบวกกับเราอย่างมากเนื่องจากการเก็บข้อมูลต่างๆ อยู่บนระบบคลาวด์ รวมถึงระบบปฏิบัติการ ERP ด้วย ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลจากที่ใดบนโลกก็ได้ และเรายังมีเวิร์คช็อปที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งสามารถประสานงานแบบเรียลไทม์กับเราได้

ปัจจัยที่ทำให้ ช.ทวี แตกต่างจากคู่แข่งคืออะไร?

มุมมองของเราในเรื่องเทคโนโลยีที่สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อวิถีชีวิตของเราอย่างมีนัยยะสำคัญ หรือที่เรียกกันว่า Disruptive Technology นั้นคือเราต้องควบรวมองค์ความรู้หรือนวัตกรรมด้านฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์เข้าด้วยกัน ซึ่งจะเอื้อให้เราอยู่ในธุรกิจนี้ได้อย่างยั่งยืน ในขณะที่คู่แข่งอาจจะพุ่งความสนใจไปที่แค่เรื่องผลกำไรในระยะสั้น เรื่องนี้เราได้พิสูจน์แล้วกับระบบรถบัสที่ขอนแก่น เครื่องยนต์กลไก ซอฟท์แวร์ และอื่นๆ ทำให้เราเดินหน้าได้เร็วกว่า ยืดหยุ่นกว่าในการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม หากเราไม่เปลี่ยนแปลง เราจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้นเราในฐานะองค์กรจึงมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

มีเรื่องใดที่นักลงทุนอาจมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับธุรกิจของคุณหรือไม่?

อาจมีความสับสนเกิดขึ้นในเรื่องของรถบัสที่ติดอยู่ที่ท่าเรือหรือรถบัสที่เกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ของเราแต่เป็นของคู่แข่ง นอกจากนั้น โครงการรถบัส ขสมก. นั้นดำเนินการมาเป็นระยะเวลา 15 ปีแล้ว และเราได้สัมปทานมาสองครั้ง ล่าสุดได้ร่วมมือกับบริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งสัมปทานครั้งแรกได้ถูกยกเลิกไป ส่วนครั้งล่าสุดนี้มีการยืดระยะเวลาส่งมอบออกไป แม้ว่าเราจะส่งมอบรถไปแล้ว 100 คัน และยังมีอีก 400 คันที่รอส่งมอบอยู่ ซึ่งเราหวังว่าสถานการณ์จะเรียบร้อยโดยมีความชัดเจนและโปร่งใสในเร็ววัน

ความเสี่ยงที่มีนัยยะสำคัญต่อธุรกิจของคุณคืออะไร?

เป็นประเด็นที่เกี่ยวกับการล่าช้าของโครงการ ขสมก. ทำให้ส่งผลกระทบต่อแผนการขยายธุรกิจของเราด้วย อย่างไรก็ตาม เรามีความมั่นใจว่าสถานการณ์จะได้รับการคลี่คลาย และทาง บริษัทฯ เองก็จะสามารถดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ได้ต่อไปในการส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าทั้งในประเทศไทยและนานาชาติ

คุณมองภาพธุรกิจของ ช.ทวี ในอีก 5 ปีข้างหน้าอย่างไร?

เรามีแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจนซึ่งนักลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลนี้ได้ทางเว็บไซต์ของเรา สาระสำคัญคือการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจบริการและสร้างกระแสรายได้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ธุรกิจมีความยั่งยืน นอกเหนือจากผลประกอบการทางธุรกิจแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็คือหลักแนวคิดในเรื่องธรรมาภิบาล ความยั่งยืนและความสุจริตโปร่งใส ทั้งนี้ ความยั่งยืนและความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจเป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องการ ปัจจุบันนี้มีสองบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ mai ที่ได้รับการจัดอันดับ 5 ดาว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเรา แสดงให้เห็นว่าความโปร่งใสเป็นเรื่องสำคัญที่เราเน้นย้ำมาโดยตลอด และประเทศไทยควรให้การสนับสนุนบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้วยจรรยาบรรณที่ดี นักลงทุนของเราหลายรายก็มีวิสัยทัศน์ในระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยส่งเสริมให้ตลาดทุนมีความแข็งแกร่งและเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยในอนาคต